ทาสีบ้านอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ ทาอย่างไรให้ไม่ยุ่งยาก วุ่นวาย ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ต้องการจะทาสีบ้าน และไม่อยากกลับมานั่งปวดหัว เพราะต้องเสียเวลา เสียเงิน เสียแรงในการกลับมาแก้ไขอีก วันนี้ Builk มีเคล็ดลับ ง่ายๆที่จะทำให้การทาสีเป็นเรื่องง่ายไปในพริบตา ไปดูกันเลยค่ะ
1.วางแผนการเงินเถิดจะเกิดผล
การที่จะเริ่มต้นทาสีคอนโด หรือ บ้านด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปและไม่ง่ายเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างเรา แต่สิ่งที่สำคัญและต้องทำอย่างแรกเลยคือวางแผนการเงิน เพราะไหนจะต้องเสียเงินค่าสีทาภายใน สีทาภายนอก สีรองพื้นและสีทาทับ เยอะแยะไปหมดรู้ตัวอีกทีงบอาจจะบานปลายไปไกลแล้ว อาจจะกลายเป็นว่าเราเลือกสีได้ไม่คุ้มกับค่าเงินที่จ่ายไป ดังนั้นวางแผนการเงินดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะคะ
2.ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวนั้นสำคัญไฉน
มือใหม่อย่างเราจะหัดทาสีทั้งที ก็คงต้องสำรวจดูก่อนว่าผนังที่เราจะทานั้นเป็นพื้นปูนเก่า หรือพื้นปูนใหม่ เพราะว่าปูนแต่ละชนิดนั้นมีรูปแบบและขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวที่แตกต่างกันออกไป มาเริ่มกันที่พื้นปูนใหม่กันก่อนเลยค่ะ ต้องทิ้งให้ปูนแห้งสนิทประมาณ 1 เดือน ทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นและคราบต่าง ๆ ให้อุดโป๊วบริเวณที่มีรอยร้าวบนผนังหรือรอยแตกลายงาขนาดไม่เกิน 1 มม. สำหรับรอยร้าวขนาดเล็ก ควรขัดแต่งรอยร้าวให้เรียบเนียนด้วยกระดาษทรายก่อนทาสี
กรณีที่เป็นผนังอิฐมวลเบา หรือผนังพรีคาสท์ แนะนำให้ปรับแต่งผิวหน้าให้เรียบเนียนด้วยสกิมโค้ท เช่น เบเยอร์สกิมโค้ท และให้ทาสีรองพื้นปูนใหม่กันด่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ และป้องกันด่างจากผนังปูน
สำหรับพื้นผิวปูนเก่า หรือ พื้นที่เสื่อมสภาพแล้ว ควรขัดล้างสีที่เสื่อมสภาพและเป็นฝุ่นชอล์คออกให้หมด โดยใช้แปรงขนอ่อนทำความสะอาด ให้ปราศจากฝุ่นผงและคราบไขบริเวณที่มีเชื้อราหรือตะไคร่น้ำ ให้ล้างทำความสะอาดแล้วทาด้วยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อราก่อนแล้วก็ล้างขัดออกด้วยแปรง อุดโป๊วบริเวณที่มีรอยร้าวบนผนังหรือรอยแตกลายงาขนาดไม่เกินขนาดเล็ก หากมีรอยร้าวควรขัดแต่งให้เรียบเนียนด้วยกระดาษทรายก่อนทาสี
3.เลือกสีที่ชอบ เลือกโทนที่ใช่
สำหรับขั้นตอนการเลือกสี การเลือกสีที่เราชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเลือกสีผิด เมื่อทาออกมาแล้วไม่ชอบแทนที่จะประหยัดกลับต้องมานั่งแก้ไขและเสียเงินเพิ่มอีก โดยส่วนใหญ่แล้วสีจะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มใหญ่ๆ ยกตัวอย่าง เช่น สีอ่อนบางขาวตามธรรมชาติเหมาะกับห้องที่พื้นที่เล็ก สีเจือเทา ก็ใช้ร่วมกับสีอื่นได้ดีและเข้ากัน หรือสีโทนกลางๆ ก็จะให้อารมณ์สงบ บรรยากาศสไตล์โมเดิร์นเก๋ๆ นอกจากนั้นแล้วเวลาที่เราไปซื้อสีทาบ้าน ทางร้านจะมีตารางเทียบสีมาให้เราเลือก แต่ในบางครั้งเมื่อเรานำสีทามาทาที่บ้านกลับไม่เหมือนในตารางที่เราได้เลือกไว้ นั่นเป็นเพราะว่าไฟที่ร้านกับไฟที่บ้านนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรขอสีตัวอย่างกลับมาทาที่พื้นก่อน ถ้าหากโดนไฟแล้วไม่ถูกใจ ก็ยังสามารถเปลี่ยนสีใหม่ได้ทันเวลา
4.เลือกคุณภาพของสีที่ใช้
การเลือกคุณภาพของสีก็สำคัญพอๆ กับการเลือกสีชอบ เพราะคุณภาพของสีนั้นส่งผลระยะยาว ถ้าหากทาแล้วมีปัญหาก็ต้องกลับมาแก้และทาใหม่อีกรอบ ก็ดูจะยุ่งยากเกินไป คุณสมบัติของสีที่เลือกใช้ ควรเลือกสีที่ผสมสารบางชนิดลงไป เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน ก็จะทำให้บ้านดูสวยงามสดใหม่อยู่เสมอ กลิ่นไม่แรง แห้งไว และลดความเสื่อมสภาพให้ช้าลง แต่นั่นก็ย่อมตามมาด้วยราคาที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน วันนี้ Builk มีสีคุณภาพที่อยากบอกต่อทุกคนค่ะ นั่นก็คือ สีเบเยอร์วัน (Beger ONE) เป็นสีคุณภาพสำหรับทาภายในที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทาสีบ้านง่ายๆด้วยตัวเอง และผู้รับเหมาที่ต้องการลดต้นทุนการทาสีบ้าน แอดมินขอแอบกระซิบว่า Beger ONE สามารถลดต้นทุนได้เยอะมากกกกกกก พูดซะขนาดนี้แล้ว Beger ONE เค้าดียังไงมาดูกันเลยค่ะ
ถ้าเป็นผนังเก่า Beger ONE ก็สามารถกลบมิด ด้วยเนื้อฟิล์มที่หนา เกาะติดดี สำหรับผนังใหม่ก็ไม่ต้องทาสีรองพื้นให้เสียเวลา
เนี่ยล่ะค่ะ ประหยัดถึง 3 เท่าขนาดนี้ไม่ให้แอดมินบอกต่อได้ง๊ายยยย
เทียบกันเป็นตารางเมตรให้เห็นชัดๆเลยดีกว่าค่ะ ห้องขนาดเท่ากันแต่ประหยัดมากกว่าถึง66%
เรื่องกลิ่น ทาง Builk ได้พิสูจน์แล้วว่ากลิ่นอ่อนจริงๆค่ะ เมื่อได้มีการย้ายและ Renovate ออฟฟิศใหม่ภายใน7 วัน ด้วยการทาสี Beger พอย้ายเข้ามาอยู่ออฟฟิศใหม่แอดมินก็ไม่ได้กลิ่นแล้วค๊า เบเยอร์วันทาเที่ยวเดียว จบครบทุกขั้นตอน จริงๆ ค่ะ แอดมินคอนเฟิร์ม
หากข้อมูลนี้ พอเป็นประโยชน์ รบกวนช่วยกันแชร์ให้เพื่อนๆ ในวงการก่อสร้างด้วยค่ะ… พบกับกิจกรรมดี ๆ สำหรับคนในวงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจก่อสร้าง รู้ทันทุกความเคลื่อนไหวเรื่องต้นทุน อย่าลืมติดตาม BUILK ในช่องทางต่างๆ ไว้ด้วยนะคะ