บริหารความเสี่ยง กับงานก่อสร้างเป็นของคู่กันเสมอ ผู้รับเหมาจึงจำเป็นมากที่ต้องวางแผนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงอย่างละเอียดรอบคอบจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่ไม่เบา
5 เหตุ ควรต้องบริหารความเสี่ยง
- ความเสี่ยงในการจัดการงานก่อสร้าง เช่น การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของงานก่อสร้าง คุณภาพของเครื่องมือ อุปกรณ์ แรงงาน และการคัดเลือกบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานก่อสร้าง
- ความเสี่ยงทางการเงิน เช่น ต้นทุนบานปลายจากการเบิกจ่ายในหลายไซต์งาน ความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างหรือศักยภาพทางการเงินที่ไม่เพียงพอส่งผลกระทบให้งานก่อสร้างโครงการของผู้รับเหมาล่าช้าหรือถึงขั้นหยุดดำเนินงาน
- ความเสี่ยงทางกฏหมาย เช่น การร่างสัญญาโครงการก่อสร้างที่ไม่ละเอียดรอบคอบมากพอ
- ความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย เช่น ความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สินที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงานก่อสร้าง
- ความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ
บริหารความเสี่ยง อย่างไร?
หลีกเลี่ยง ในกรณีที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเป็นวิธีการที่ทำได้ง่ายที่สุด เพราะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับทีมผู้บริหารที่ไม่มีแผน บริหารความเสี่ยง และกระบวนการที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่มีปัญหาในอนาคต
ลด การลดความเสี่ยงมีวิธีการเดียวที่ได้ผลลัพธ์มากที่สุด คือ การวางแผนจัดการความเสี่ยง จะมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างสักกี่บริษัทที่ทำได้อย่างรอบคอบและรัดกุมจนเกิดผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ
เพราะขั้นตอนที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ในปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้การวางแผน บริหารความเสี่ยง ง่ายขึ้นตัวอย่างโปรแกรมควบคุมต้นทุนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่าง BUILK ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อผู้รับเหมาในการควบคุมต้นทุนงานก่อสร้างโดยใช้ควบคุมกับโปรแกรมบัญชีโดยสำนักงานบัญชีจึงไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเกี่ยวกับบัญชีก็สามารถใช้งานได้เลย สามารถกำหนดแผน กระบวนการทำงานที่สามารถใช้งานได้จริง
ติดตามต้นทุนได้อย่างรัดกุม รับรู้ข้อมูลเรียลไทม์ ทำงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ สามารถติดตาม กำไร/ขาดทุน ของโครงการ และผลประกอบการของธุรกิจก่อสร้างได้ ทั้งยังมีระบบแจ้งเตือนกระแสเงินสดออกช่วยให้บริหารกระแสเงินสดได้ง่ายขึ้น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BUILK
ถ่ายโอน สำหรับวิธีการนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาโดยเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุดแต่อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่เสียไปก็ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตซึ่งถือว่าเป็นการประกันที่อนุญาตให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างสามารถจ่ายได้เท่าที่เต็มใจที่จะจ่ายไม่ว่าจะเป็น ประกันภัย หรือ ประกันสรรพภัย มีความเหมือนกันคือช่วยคุ้มครองและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในโครงการงานก่อสร้างของผู้เอาประกันแต่ที่ต่างกันก็คือ ประกันสรรพภัย ในส่วนของโครงการงานก่อสร้างเป็นประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากกว่า เช่น ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยเครื่องจักร ประกันภัยหม้อเกิดไอน้ำพร้อมถังอัดความดัน และประกันภัยงานรับเหมา
ยอมรับ การยอมรับความเสี่ยงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทว่ามีความจำเป็นหรือเป็นไปได้ที่จะยอมรับความเสี่ยงของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบนั้นหรือไม่ วิธีการนี้ช่วยให้มองเห็นทางเลือกทั้งหมดและทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งในบางครั้งผลกระทบอาจจะสูงกว่าที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้ แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้การทำงานในโครงการก่อสร้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราเอง
แผนบริหารความเสี่ยงของไซต์ก่อสร้าง
ทุกบริษัทย่อมต้องการความเสี่ยงน้อยที่สุดแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าแผนจัดการความเสี่ยงจะประสบความสำเร็จ ถึงจะมีการวางแผนที่รัดกุมอย่างไรก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้อยู่ดี อย่างไรก็ตามความเสี่ยงสามารถลดลงได้จากการช่วยเหลือโดยใช้แผนจัดการความเสี่ยงที่บริษัทได้กำหนดขึ้นมาหรือเครื่องมือที่เหมาะสมกับโครงการนั้นๆ
ปัจจุบันได้มีผู้พัฒนา Solution Digital ขึ้นมาเพื่อช่วยรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการบริหารจัดการงานก่อสร้างและความเสี่ยงทางด้านการเงินได้อย่างดีเยี่ยม สามารถสร้างผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้งานจริงของผู้รับเหมาก่อสร้างตัวจริงและการวางแผนโครงการในทุกโครงการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ด้วยท่านเองครับเพียงแค่
คลิกทดลองใช้โปรแกรมฟรี > BUILK โปรแกรมควบคุมต้นทุนก่อสร้าง สำหรับผู้รับเหมา SMEs
___________________________
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 02-101-2851